วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่องน่ารู้ของไข่มุก และการเลือกซื้อไข่มุก


เรื่องน่ารู้ของไข่มุกและการเลือกซื้อไข่มุก
       ไข่มุก เป็นอัญมณีที่เกิดจากธรรมชาติซึ่งได้ความนิยมสูงเสมอมา ไข่มุกเกิดจากการที่หอยมุกเกิดการระคายเคืองเมื่อมีวัตถุแปลกปลอม เช่น กรวดทราย เศษหิน ฯลฯ พัดหลงเข้าไป หอยมุกจะสร้างสารประเภทแคลเซียมคาร์บอเนตมาหุ้มเพื่อลดความระคายเคือง สารนี้จะมีลักษณะเป็นชั้นๆ เรียกว่า เนเคอร์ (nacre) ท าให้ไข่มุกมีความวาว ยิ่งชั้นเนเคอร์หนามาก ก็ยิ่งมีความงามมาก ไข่มุกแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ ไข่มุกธรรมชาติ (natural pearl) ไข่มุกเลี้ยง (cultured pearl) และไข่มุกเทียม (pearl imitation)
        ไข่มุกธรรมชาติเป็นไข่มุกที่หายาก และค่อนข้างแพง โดยทั่วไปมักซื้อขายกันเป็นน้ าหนักหน่วยกะรัต แหล่งก าเนิดที่ส าคัญ คือ อ่าวเปอร์เซีย ศรีลังกา ออสเตรเลีย ตาฮิติ และทะเลใต้ แต่ไข่มุกธรรมชาติ และไข่มุกเลี้ยง จัดว่าเป็นไข่มุกแท้ด้วยกันทั้งคู่เพราะเกิดจากหอยมุก ต่างกันแค่ที่มา ไข่มุกแท้เกิดตามธรรมชาติ แต่ไข่มุกเลี้ยงเกิดจากการที่มนุษย์ช่วยบังคับใส่สิ่งแปลกปลอมเช่น ลูกปัด หรือเปลือกหอย เข้าไปในหอยมุก มุกเลี้ยงส่วนใหญ่มักซื้อขายกันโดยวัดขนาดเป็นมิลลิเมตร แหล่งก าเนิดที่ส าคัญของไข่มุกเลี้ยงคือ ญี่ปุ่น จีน และทะเลใต้ ไข่มุกปลอมหรือไข่มุกเทียมจะท าจากวัสดุอื่นที่มีลักษณะมันวาวเช่นกันมาหล่อขึ้นรูปเป็นทรงกลม และใส่สีเลียนแบบไข่มุกธรรมชาติ วัสดุเหล่านี้ได้แก่ พลาสติก หรือพอลิเมอร์ (polymer) และปัจจุบันมีการพัฒนาน าเปลือกหอยมาเคลือบบนผิว ท าให้มีลักษณะคล้ายไข่มุกแท้มาก ไข่มุกแท้มีรูปร่างหลากหลายดังรูป แต่ไข่มุกที่มีรูปร่างกลมสวยงามก็จะมีราคาแพง นอกจากนี้ไข่มุกยังมีหลายสี ได้แก่ ขาว ด า ชมพู ส้ม เทา และเหลือง เป็นต้น หากต้องการเลือกซื้อไข่มุกควรพิจารณาดังนี้
(ที่มา: http://www.igetweb.com/www/iyawan/index.php?mo=3&art=188263)
          1. ขนาดและรูปร่าง ซึ่งมีผลต่อราคา การเลือกขนาดและรูปร่างขึ้นอยู่กับว่าเราอยากได้ขนาดและรูปร่างแบบไหน และเหมาะกับเครื่องประดับที่ออกแบบไว้หรือไม่ เช่น ถ้าจะซื้อไข่มุกสีเดียวเพื่อมาท าสร้อย ก็ควรเลือกที่มีสีสม่ าเสมอกันและขนาดเท่ากันหรือไล่เรียงกันไป ถ้าจะซื้อเพื่อน ามาท าเข็มกลัดก็น่าจะเลือกที่ความวาวเงางาม
และขนาดใหญ่ ส่วนไข่มุกรูปร่างแปลกๆ น่าจะเหมาะกับการออกแบบสไตล์เก๋ไก๋ เป็นต้น ขนาดของไข่มุก ยังมีผลต่อบุคลิกของผู้ใส่อีกด้วย หากผู้สวมใส่ยังอายุน้อยก็อาจจะเลือกไข่มุกขนาดไม่ใหญ่มากนัก จะได้ดูน่ารัก ทันสมัย ดั้งนั้นถ้าเรารู้ว่าต้องการไข่มุกขนาดและรูปร่างแบบใด จะท าให้การเลือกซื้อง่ายขึ้น
         2. สี สีของไข่มุกมีอยู่ 2 ประเภทคือ Body Color ซึ่งเป็นสีของไข่มุกซึ่งจะมีสีขาว สีครีม สีเหลือง เป็นต้น และ Overtone ซึ่งเป็นสีเหลือบของไข่มุก อาจมีสีเขียว สีชมพู สีเงิน สีฟ้า สีของไข่มุกขึ้นอยู่กับชนิดของหอยมุกและสภาวะแวดล้อมที่หอยมุกนั้นอาศัยอยู่ สีจะมีผลต่อราคาไข่มุกด้วย ยิ่งไข่มุกที่มีสีที่หายากประกอบกับความมันวาวจะมีราคาสูงมาก แต่ปัจจุบันมีการย้อมสีไข่มุกคุณภาพต่ าเพื่อให้ได้สีที่หายากเพื่อเพิ่มมูลค่าไข่มุกคุณภาพต่ า รวมถึงการฉายรังสีเพื่อให้ได้สีสันแปลกใหม่ด้วยเช่นกัน ดังนั้นการเลือกซื้อควรพิจารณาให้ดีด้วยว่าสีไข่มุกเป็นสีธรรมชาติหรือสีย้อม
        3. ลักษณะเนื้อผิวไข่มุก ไข่มุกที่ดีจะต้องมีผิวเรียบเนียนเป็นมันไม่มีรอยขุรขระ ไม่มีรอยถลอก และไม่เป็นฟองอากาศ การเลือกซื้อจึงควรสังเกตอย่างละเอียด ยิ่งราคาแพงยิ่งควรตรวจสภาพผิวไข่มุกอย่างละเอียด โดยอาจใช้ไฟส่องที่ผิวและใช้พื้นหลังสีด าพร้อมกับสังเกตขณะหมุนไข่มุกเพื่อตรวจสภาพผิวของไข่มุก
        4. ความมันวาว ไข่มุกที่ดีจะมีเนื้อมันวาวสดใส ประกายสม่ าเสมอทั้งเม็ด ถ้าความวาวสูงแสดงว่ามีชั้นมุกหนา ท าให้เห็นเหลือบสี (Orient) ของไข่มุกมากโดยเฉพาะเมื่อน าไข่มุกส่องไฟ ยิ่งมีความวาวมาก เหลือบสีมากแสดงว่าเป็นไข่มุกที่คุณภาพดี ความหนาของชั้นมุกนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการเลี้ยงและสภาพแวดล้อมในการเพาะเลี้ยง ดังนั้นสามารถทดสอบได้ว่าไข่มุกมีชั้นมุกหนามากเพียงใดด้วยการดูลักษณะความวาว ดูรอยแตกที่ผิวว่าเห็นเม็ดเปลือกหอย หรือลูกปัดด้านในหรือไม่ หรือสังเกตแถบสีเมื่อน าไข่มุกส่องกับไฟความเข้มสูง
        วิธีง่ายๆ ในการแยกไข่มุกแท้ – เทียม สิ่งที่ควรระวังในการเลือกซื้อไข่มุกคือ ไข่มุกปลอมที่ทาจากแก้วหรือพลาสติกแต่สามารถตรวจสอบด้วยวิธีง่ายๆ ได้ วิธีที่นิยมคือ การน าไข่มุกแต่ละเม็ดมาถูกันเบาๆ แล้วจับดู หากน ามาถูแล้วรู้สึกลื่น หรือไม่รู้สึกสากๆเลย ให้สรุปไว้ก่อนเลยว่าไม่ใช่ไข่มุกแท้ แต่เวลาถูไข่มุกควรถูเบาๆ เพราะหากเป็นไข่มุกแท้ผิวมุกอาจสึกหรอจากการเสียดสีของชั้นมุกได้ อีกวิธีหนึ่งคือ สังเกตรอยแตกหรือลักษณะผิวเพราะไข่มุกเทียมมักจะเคลือบสีด้วยแลกเกอร์ หรือเรซิน หรือสารเคลือบอื่นๆ เพื่อเพิ่มความมันวาว แต่อีกวิธีที่อาจเสี่ยงในการท าลายผิวไข่มุกปลอม คือการใช้ไฟลน เนื่องจากไข่มุกเทียมจะไม่ทนความร้อน เพราะเพียงไฟจากบุหรี่ก็ท าให้เกิดริ้วรอยไหม้หรือแตกกะเทาะได้ง่าย แต่ไข่มุกแท้จะทนทานแม้จะเป็นรอยไหม้ก็สามารถเช็ดออกได้
ขอขอบคุณ: พิมพ์ทอง ทองนพคุณ

มารู้จักหอยกันเถอะ

โครงสร้างหอย

หอย มีชีวิตอยู่ได้ทั้งบนบกและไนน้ำเป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังและถือว่า ใหญ่ที่สุดในกลุ่มรองจากสัตว์โลกจำพวกแมลง หอยทั้งหมดมีอยู่ประมาณไม่ต่ำกว่า80,000ชนิด ถ้าสังเกตดีๆเราจะพบว่าหอยนั้นอาศัยอยู่ทั่วทุกมุมโลกไม่ว่าจะเป็นบนบกใน น้ำ ทั้งน้ำจืดน้ำเค็มและจากการพิสูจน์พบว่าเปลือกหอยสามารถคงรูปร่างอยู่ได้นาน ถึง 75 ล้านปี ในปัจจุบันเราก็นำหอยมาใช้ในการศึกษาทั้งทางวิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ โบราณคดีอย่างเปลือกหอยที่กลายเป็นหินนักวิทยาศาสตร์ก็จะเรียกว่า ฟอสซิล
         รูปร่างหน้าตาของหอย นักวิทยาศาสตร์ได้รวมสัตวจำพวกหอยเข้าไว้ในกลุ่มเดียวกันกับหมึก ซึ่งพวกเราหลายคนเรียกกันว่าปลาหมึก ทั้งๆที่ความจริงแล้วมันคือหอย สัตว์ในกลุ่มหอยกับหมึกนั้นมีลักษณะรูปร่างที่คล้ายกันเช่น หอยมีเปลือกแข็งหุ้มอยู่ภายนอก หมึกก็มีแต่ต่างกันตรงที่หมึกมีอยู่ในลำตัวที่พวกเรารู้จักกันในภาษาชาว บ้านว่าลิ้นทะเล หอยกับหมึกมีผิวหนังหรือเนื้อเยื่อติดกับพนังเปลือกคอยทำหน้าที่สร้างเปลือก มีกล้ามเนื้อแผ่นใหญ่ใช้เดินต่างเท้า กล้ามเนื้อชนิดนี้ในหอยบางสกุลจะมีขนาดกว้างใหญ่เสียจนกระทั่งสามารถแผ่ออก มาห่อหุ้มเปลือกทั้งหมดของมันได้ ซึ่งก็คือเนื้อเยื่อส่วนที่เราเห็นโผล่ออกมาจากเปลือก ใช้คืบคลานหรือเกาะอยู่ตามพื้นดิน พื้นหิน พื้นทราย นั่นเอง สำหรับหมึกนั้นธรรมชาติได้เปลี่ยนรูปร่างกล้ามเนื้อส่วนนี้ให้กลายเป็นหนวด ไปแล้วเพื่อให้เกิดความคล่องแคล่วในการดำรงชีวิตของมัน ทั้งหอย และหมึกยังมีระบบเส้นประสาทชนิดที่รวมกันเป็นกลุ่มอีกต่างหากด้วย พูดง่ายๆ ก็คือ ลักษณะทั่วไปหรือรูปร่างหน้าตาของหอยจะประกอบด้วย ลำตัวที่เป็นปล้อง มีเปลือกแข็งห่อหุ้มร่างกายภายนอก เคลื่อนไหวไปไหนมาไหนอย่างเชื่องช้าลำตัวอ่อนนิ่มปกคลุมด้วยเมือกลื่นๆเพื่อ ให้สะดวกในการคืบคลานหอยจึงเหมาะที่จะมีชีวิตอยู่ในน้ำหรือตามสถานที่ชื้น แฉะเช่น ตามใต้ถุนบ้าน หรือแถวๆห้องน้ำในบ้านเรา แม้กระทั่งในท่อระบายน้ำเสียตามท้องถนน นักวิทยาศาสตร์แบ่งโครงสร้างของหอยออกเป็น 4 ส่วน
          1.หัว อยู่ตรงบริเวณหน้าสุดของลำตัว บางชนิดเราจะแลเห็นคล้ายหนวดสั้นๆโผล่ออกมาด้วย
          2.หนังหรือเนื้อเยื่อบางคนเรียกว่าเนื้อ คือส่วนที่เราๆมองเห็นอยู่นอกเปลือก
          3.อวัยวะภายใน ได้แก่หัวใจ เส้นโลหิตแดงและเส้นโลหิตดำ เหงือกซึ่งหอยบางสกุลเอาไว้ทำหน้าที่หายใจในน้ำ ส่วนหอยบางชนิดก็มีปอดสำหรับหายใจบนบก เช่นพวกหอยทากที่เราเห็นคลานต้วมเตี้ยมอยู่บนต้นไม้บ้าง หรือไม่ก็ตามพื้นดินเปียกๆ ภายในลำตัวของหอยยังประกอบด้วยลำไส้ อวัยวะขับถ่าย อวัยวะสืบพันธ์ ในหอยบางพวกเราพบว่าอวัยวะทั้งสองเพศอยู่ในตัวเดียวกัน เช่น พวกหอยขม หอยโข่ง สุดท้ายคือระบบประสาทซึ่งใช้สำหรับดมกลิ่นบ้าง ใช้คลำทางบ้าง หรือไม่ก็ใช้ในการรับความรู้สึกต่างๆ อวัยวะชนิดนี้มักจะยื่นยาวออกมาคล้ายๆหนวด หรือเหมือนกับเสาอากาศโทรทัศน์ในหอยบางตัว หอยบางชนิดยังมีตาไว้ดูอะไรได้ เช่นเดียวกับสัตว์อื่นๆด้วย
         4. เท้า เป็นกล้ามเนื้อผืนใหญ่ซึ่งหอยใช้ในการเคลื่อนไปโน่นมานี่ด้วยวิธีการคืบคลานไปบ้าง ชอนไชไปในโคลนตมบ้าง ในทรายบ้าง ในขนาดที่กล้ามเนื้อส่วนนี้ของหมึกได้กลายเป็นหนวดไปแล้ว

หอยมีคุณค่ากว่าที่คุณคิด


หอยมีคุณค่า
      
       หอยเกี่ยว ข้องผูกผันกับมนุษย์เรามาช้านานในประวัติศาสตร์ของโลก ประโยชน์สำคัญอย่างหนึ่งของหอยก็คือเป็นอาหารหอยที่มักจะนำมาทำเป็นอาหารก็ คือ หอยแมลงภู่ หอยแครง หอยลาย หอยขม หอยบางชนิดราคาแพง เช่น หอยเป๋าฮื้อ หอยนางรมหรือหอยโข่งบางชนิด นอกจากนั้นหอยบางสกุลยังสามารถนำมาเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ได้อีกด้วยในสมัย โบราณ หลายชาติได้นำหอยเบี้ยบางชนิดมาใช้เป็นสิ่งของแลกเปลี่ยนแทนเงินตรา ประเทศไทยเราก็เคยใช้หอยเบี้ยเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้ามาแล้ว หอยบางชนิดยังถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือสิ่งที่เป็นมงคลในทางศาสนา เช่น หอยสังข์มีความสำคัญอย่างสูงในศาสนาฮินดูและศาสนาพราหมณ์ ทุกวันนี้ก็ยังนำหอยสังข์มาใช้ในพิธีมงคลต่างๆ เช่น พิธีมงคลสมรส เครื่องประดับล้ำค่าราคาแพงและมนุษย์นิยมมากที่สุดนอกเหนือจากพวกเครื่อง เงิน เครื่องทอง หรือเพชรนิลจินดาแล้วเห็นจะมีอีกอย่างหนึ่งคือ ไข่มุก ซึ่งเด็กๆ คงจะพอทราบมาบ้างแล้วว่า มันเกิดจากหอยสกุลที่เรียกกันว่า หอยมุก เปลือกของหอยกาบเดียวหลายชนิดเป็นมุก เพราะสามารถสะท้อนสีสันเป็นเลื่อมลายประกายรุ้งสวยสดงดงามจนมนุษย์เราพากัน ลุ่มหลง นิยมนำมาตกแต่งประดับประดาภาชนะตลอดจนเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ภายในครัวเรือน หรือตกแต่งวัดวาอารามปราสาทราชวังให้ดูวิจิตรตระการตาเช่นโต๊ะมุกหรือโต๊ะ หมู่บูชาที่ประดับด้วยเปลือกหอยมุก ตู้พระธรรมประดับมุกตั่งมุก รวมทั้งบานประตูมุกอันมีชื่อเสียงโด่งดังที่วัดสุทัศน์เทพวราราม ระยะหลังได้มีการประดิษฐ์เปลือกหอยนานาชนิดเป็นเครื่องใช้ประจำตัวเครื่อง ใช้ประจำบ้านเช่น กระดุมมุก เข็มกลัด เน็คไท ด้ามมีดหรือไม่ก็ทำเป็นเครื่องตกแต่งบ้านอันหรูหราอาทิ โคมไฟฟ้า เก้าอี้มุกและอื่นๆ ถึงตอนนี้พวกเราก็คงจะทราบดีแล้วว่า เปลือกหอยมีคุณค่ามากมายมหาศาลขนาดไหนและพวกเราต่างก็รู้จักมันคุ้นกับมัน เป็นอย่างดีตลอดมาทุกยุคทุกสมัย ทุกวันนี้สัตว์จำพวกหอยยังมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตความเป็นอยู่ของ ประเทศต่างๆ พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ มีความสำคัญอย่างสูงต่อเศรษฐกิจของหลายต่อหลายประเทศ นอกเหนือจากการนำสินค้ามีค่ามีราคาในลักษณะที่เป็นเนื้อหอยและเปลือกหอยแล้ว อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงหอยไม่ว่าจะนำมาเพื่อทำเป็นอาหารสัตว์และอาหาร มนุษย์ หรือเพื่อเก็บเอาไข่มุกมาขายก็ตามสามารถทำรายได้ให้กับประเทศที่ประกอบ อุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นอย่างดีในประเทศไทยเรานี้กิจการเพาะเลี้ยงหอย อาทิเช่น หอยนางรม หอยมุก หอยลาย ตลอดจนหอยแครงและหอยอื่นๆ ก็กำลังรุ่งเรืองทำกำไรให้แก่ผู้เพาะเลี้ยงและประเทศชาติได้มากโข

เคล็ดลับการเลือกซื้อหอย



เคล็ดลับการเลือกซื้อหอย

          อยากนำเคล็ดลับการเลือกซื้อหอยมาฝากเพื่อนๆพี่ๆกัน ลองมาดูกัน หอยในตลาดสดนั้นเท่าที่ดูก็มีอยู่ไม่กี่ชนิด ส่วนมากจะเป็น หอยแครง หอยแมลงภู่ หอยลายเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าหอยที่กล่าวมานี้ล้วนแต่เป็นหอยที่มาจากทะเล การเลือกซื้อหอยนั้นเราต้องดูตามชนิดของหอยเป็นหลัก
          1. หอยแครง หอยชนิดนี้ถ้าเป็นหอยตามธรรมชาติจะมีรสชาติอร่อยมากๆ แต่ในปัจจุบันส่วนมากหอยแครงตามธรรมชาตินั้นแทบจะหาไม่ได้เสียแล้ว มักจะมีแต่หอยที่เลี้ยงในฟาร์ม การดูหอยแครงว่าสดไม่สดนั้นดูไม่ยากครับ กล่าวคือ หอยแครงที่สดนั้นจะต้องเป็นหอยที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น เพราะหอยชนิดนี้ถ้าตายแล้วจะส่งกลิ่นเหม็นทันที สังเกตได้โดย หอยจะอ้าและเห็นเนื้อหอยหรือว่าตัวหอยที่อยู่ในฝานั้นมีสีแดงเข้มเคลื่อนไหว ไปมาได้ ถ้าเพื่อนๆจะซื้อหอยแครงซักกิโลแต่เห็นหอยของพ่อค้าแม่ค้าที่เราจะซื้อนั้น วางอยู่นิ่งๆ โดยที่ไม่มีการอ้าของเปลือกหอยและไม่มีการขยับเขยื้อนเลยซักตัว แถมบางทีส่งกลิ่นทะแม่งๆ จนอยากจะเผ่นจากแผงหอยเจ้านั้นไปโดยเร็ว นั่นแสดงว่าหอยแครงของเจ้านั้นไม่สดและตายแล้ว ให้เพื่อนๆถอยห่างออกจากแผงหอยแครงนั้นโดยเร็ว
          2. หอยแมลงภู่ หอยชนิดนี้ไม่เหมือนกับหอยแครง กล่าวคือ หอยแมลงภู่สดฝาหอยจะต้องปิดสนิท ตัวหอยต้องสะอาดเกลี้ยง ต้องไม่มีเศษขยะหรือหยากไย่เกาะมากเกินไป (ตรงนี้อยู่ที่พ่อค้าแม่ค้าหอยแผงนั้นๆด้วยว่าเอาใจใส่ให้ความสะอาดมากน้อย แค่ไหน) ถ้าเพื่อนเจอหอยแมลงภู่เจ้าไหนที่ฝาหอยอ้าจนเห็นเนื้อหอยข้างในและบางทีอาจ ส่งกลิ่นไม่ดีออกมาก็อย่าซื้อหอยดังว่า เนื่องจากหอยแมลงภู่ถ้าฝาอ้าออกแล้วนั้น หอยจะตายและไม่สดแล้ว เมื่อเรานำมาลวกหรือต้ม หรือนึ่งก็แล้วแต่ เราอาจไม่สามารถทานหอยนั้นได้เลยเพราะหอยจะไม่อร่อยและที่แย่ไปกว่านั้นคือ มีกลิ่นเหม็นรุนแรงเอามากๆด้วย
          3. หอยลาย ที่สดฝาจะต้องไม่อ้าจนเห็นเนื้อหอยข้างในในขณะที่ตัวหอยนั้นไม่มีการเคลื่อน ไหวแล้ว แต่บางตัวถ้ายังเป็นๆอยู่จะมีติ่งเนื้อโผล่ออกมาและเคลื่อนไหวได้ ฝาหอยที่ปิดตัวหอยอยู่นั้นต้องดูสะอาดไม่มีคราบตะใคร่น้ำเกาะตามตัวหอย และที่สำคัญจะต้องไม่มีกลิ่นโชยออกมา

ขอบคุณที่มา : http://natspecialtips.blogspot.com

แนะนำเมนูหอย


เมนูหอยแสนอร่อย

เมนูในร้านขายอาหารทะเลส่วนใหญ่ นอกจากจะเป็นพวกกุ้ง-ปู-ปลาแล้ว “เมนู หอย” ชนิดต่าง ๆ
ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ซึ่งนอกจากในร้าน ซีฟู้ด-ร้านอาหารใหญ่ ๆ แล้ว อาหารพวกนี้ก็สามารถทำขายได้ทั่วไป
ไม่ เว้นแม้ตามตลาดนัด ซึ่งวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” มี “เคล็ดลับ” เมนู อาหารจำพวกหอยมานำเสนอ...

หอยหวานเผา
เมนูอาหารจากหอยมีให้เลือกมากมายหลากหลาย หอย บางชนิดก็หากินได้ทั้งปี รวม ๆ แล้วก็มีกว่า 20 ชนิด อาทิ...
หอย ชักตีน,หอยลาย,หอยขม, หอยกระโจงโดง, หอยสังข์หอม, หอยมะระ, หอยจาวมะพร้าว, หอยบิด, หอยปีกนก, หอยหวาน, หอยนางรมลอย, หอยจอบ, หอยตาวัว, หอยนมสาว, หอยเจดีย์, หอยตลับ, หอยคราง, หอยพอก, หอยเชลล์
หอย แครง, หอยแมลงภู่, หอยนางรม ฯลฯ

หอยนางรมนิยมรับประทานแบบสดๆ
หอยที่นำมาปรุงเป็นเมนูต่าง ๆ ในร้านอาหารส่วนมากจะเป็นหอยทะเล จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ “แบบฝาเดียว” และ “แบบ 2 ฝา” ซึ่งทั้ง 2 ประเภทมีความแตกต่างกันอยู่ โดยหอยแบบฝา เดียวนั้นจะชอบเดินเคลื่อนที่ เพราะฉะนั้นเนื้อจะเป็นก้อน ผิดกับ หอย 2 ฝาที่ชอบฝังตัวอยู่ในทราย เนื้อจะไม่เป็นก้อน

หอยตลับ ผัดน้ำพริกเผา
มีคำแนะนำว่า หอยประเภทหอย 2 ฝาที่สั่งเข้ามาใช้ทำอาหารนั้น ไม่ควรสั่งหอยที่ตัวใหญ่ เกินไป จะใช้ขนาดประมาณ 25 ตัวต่อกิโลกรัม

หอยเชลล์ผัดน้ำ มะนาว
ส่วนหอยแบบฝาเดียวก็จะใช้ ขนาดกลาง ๆ ถ้าใช้ตัวโตเกินไปเวลานำมาทำเมนูอาหารแล้วเนื้อจะเหนียว
ถ้า เล็กเกินไปก็ทำให้ดูไม่น่ากิน

หอยตลับผัดกับหน่อไม้ฝรั่ง
นอกจากเรื่องขนาดแล้ว ความสดก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการนำหอยมาปรุงอาหาร หอยที่นำมาปรุง นั้นจำเป็นต้องใช้แบบที่ยังเป็น ๆ เพราะเนื้อจะนุ่ม หอม หวาน

หอยสังข์ผัดกับเห็ดหอม
การนำหอยแต่ละ ชนิดมาทำอาหารต่าง ๆ ก็ควรเลือกเมนูที่เหมาะสมด้วย ซึ่งโดยธรรมชาติ แล้วหอยนั้นจะมีเนื้อที่นุ่ม
หอมหวานในตัวของมันเองอยู่แล้ว เมนูที่ ใช้หอยในการทำก็น่าจะเป็นพวกยำ ผัด ลวก หรือบางชนิดก็กินแบบดิบ ๆ จะดีกว่า เช่นหอยนางรมแต่ถ้าจะเป็นเมนูพวกต้มยำ ก็ควรจะใช้หอยแบบ 2 ฝา

เคล็ด ลับในการปรุง
ถ้าเป็นการ “ลวก” ก็ไม่วุ่นวาย ใช้หอยชนิดฝา เดียวตัวใหญ่ นำเนื้อมาหั่นเป็นแผ่นบาง ๆ พอดีคำเตรียมไว้ ไม่ควรหั่น ให้ชิ้นใหญ่เกินไปเพราะเวลาลวกแล้วจะทำให้เนื้อเหนียว ตั้งน้ำสะอาด ให้เดือดจัด โดยในน้ำให้ใส่ตะไคร้ ใบมะกรูด ลงไปด้วย เพื่อเป็นการดับ กลิ่นคาว เมื่อน้ำเดือดได้ที่ก็ให้นำเนื้อหอยที่หั่นเตรียมไว้ใส่ลงไปใน กระชอน จุ่มลงไปลวกในน้ำร้อน โดยใช้เวลาลวกประมาณ 5 วินาที หรือที่ เรียกกันว่า “ลวกแบบสะดุ้งน้ำ” ไม่ควรลวกนานเกินไปเพราะจะทำให้เนื้อหอย เหนียว ถ้าจะนำมา “ยำ” ก็ใช้วิธีการลวกแบบที่ว่ามาก่อน จากนั้น ถึงนำหอยไปทำการยำ แต่ถ้านำมาทำเป็นเมนู “ผัด” ไม่ควรนำไปลวกก่อนให้ “ผัดสด ๆ” ไปเลย เพราะน้ำที่อยู่ในตัวหอยจะออกมาทำให้หอม หรือถ้าจะ เป็นเมนูแบบกินดิบ ๆ ก็หั่นแล้วเสิร์ฟได้เลย โดยมีวาซาบิกับซอสญี่ปุ่น เป็นน้ำจิ้มเพื่อดับความคาว