วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

เรื่องน่ารู้ของหอยเป่าฮื้อ


เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ เป๋าฮื้อ
หอยเป๋าฮื้อ หรือ หอยโข่งทะเล หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า อะบาโลน (abalone) เป็นหอยโข่งทะเลฝาเดียวอาศัยตามก้อนหินแถบชายฝั่งทะเล จัดเป็นอาหารที่อุดมคุณค่าโปรตีน และตามความเชื่อตามประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นได้ใช้หอยชนิดนี้เขียนตัวอักษร ถึงพระเจ้า นอกจากนี้หอยเป๋าฮื้อยังเป็นสัตว์กินพืช มีอายุยืน ทำให้มีราคาแพงมาก ในอดีตผู้ที่จะได้กินจึงจะมีแต่พวกจักรพรรดิ์และขุนนางผู้ใหญ่ แต่ในปัจจุบันหอยเป๋าฮื้อเป็นอาหารทั่วไปที่นิยมกินกันในโอกาสสำคัญเนื่อง บางคนยังมีความเชื่อว่าเป็นอาหารสิริมงคล จึงทำให้มีการบริโภคอย่างแพร่หลายมากขึ้นซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในประเทศ แถบเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ไต้หวัน กับหลายประเทศในแถบยุโรปและอเมริกา (อ้างอิงที่ 1, 2) ในประเทศไทยเองก็ได้มีฟาร์ม ทำการเพาะเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อสายพันธุ์น้ำอุ่น ที่กำลังเป็นที่นิยมของตลาดในปัจจุบัน คือ ฮาลิโอติส ไดเวอร์สิคัลเลอร์ (Haliotis diversicolor) เป็นหอยเป๋าฮื้อพันธุ์ไต้หวันที่เลี้ยงง่าย โตเร็ว ทนต่อโรค และเป็นความต้องการของตลาด โดยมีตลาดหลักคือ ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน (อ้างอิงที่ 3)
The National Registration Authority for Agricultural and Veterinary Chemicals (NRA) ของรัฐบาลประเทศออสเตรเลีย ได้ประเมินว่าเนื้อหอยเป๋าฮื้อชนิดผง มีสารสำคัญที่ชื่อว่า Glycosaminoglycans (อ้างอิงที่ 4) หรือที่เรียกกันว่า GAGs ทำหน้าที่เป็นตัวหล่อลื่นให้แก่ข้อ


มีสารสำคัญที่ชื่อว่า Glycosaminoglycans (อ้างอิงที่ 4) หรือที่เรียกกันว่า GAGs ทำหน้าที่เป็นตัวหล่อลื่นให้แก่ข้อ มีงานวิจัยจากประเทสฝรั่งเศสพบว่าหอยเป๋าฮื้อ พบว่ามีปริมาณ GAGs อยู่ประมาณ 43 % ซึ่งอยู่ในรูปแบบของ Heparan sulfate, Chondroitin/dermatan sulfate and Hyaluronic acid (อ้างอิงที่ 5)
มีรายงานวิจัยถึง GAGs ในรูปแบบของ Chondroitin Sulfate กับกลุ่มคนไข้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกข้อเข่าจำนวน 622 คน พบว่ากลุ่มที่ได้รับ Chondroitin Sulfate สามารถลดการสึกหรอของกระดูกอ่อนของข้อได้ดีกว่าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (อ้างอิงที่ 6)
เอกสารอ้างอิง :
    • Alabone. http://en.wikipedia.org/wiki/Abalone
    • คัมภีร์การเพาะเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อ. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย. http://mdit.pbru.ac.th/sme/Details/InvestmentExamples/I006.doc
    • หอยเป๋าฮื้อ พันธุ์น้ำอุ่น. Phuket Abalone Farm. http://www.phuketabalone.com/Abalone-Thai/farm-tropical.html
    • Notice Alabone Powder. The National Registration Authority for Agricultural and Veterinary Chemicals (NRA). NRA Gazette 9 3 September 2002 page 24.     
ขอขอบคุณที่มา http://www.giffarine.co.th/website/Production_Thai

วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่องน่ารู้ของไข่มุก และการเลือกซื้อไข่มุก


เรื่องน่ารู้ของไข่มุกและการเลือกซื้อไข่มุก
       ไข่มุก เป็นอัญมณีที่เกิดจากธรรมชาติซึ่งได้ความนิยมสูงเสมอมา ไข่มุกเกิดจากการที่หอยมุกเกิดการระคายเคืองเมื่อมีวัตถุแปลกปลอม เช่น กรวดทราย เศษหิน ฯลฯ พัดหลงเข้าไป หอยมุกจะสร้างสารประเภทแคลเซียมคาร์บอเนตมาหุ้มเพื่อลดความระคายเคือง สารนี้จะมีลักษณะเป็นชั้นๆ เรียกว่า เนเคอร์ (nacre) ท าให้ไข่มุกมีความวาว ยิ่งชั้นเนเคอร์หนามาก ก็ยิ่งมีความงามมาก ไข่มุกแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ ไข่มุกธรรมชาติ (natural pearl) ไข่มุกเลี้ยง (cultured pearl) และไข่มุกเทียม (pearl imitation)
        ไข่มุกธรรมชาติเป็นไข่มุกที่หายาก และค่อนข้างแพง โดยทั่วไปมักซื้อขายกันเป็นน้ าหนักหน่วยกะรัต แหล่งก าเนิดที่ส าคัญ คือ อ่าวเปอร์เซีย ศรีลังกา ออสเตรเลีย ตาฮิติ และทะเลใต้ แต่ไข่มุกธรรมชาติ และไข่มุกเลี้ยง จัดว่าเป็นไข่มุกแท้ด้วยกันทั้งคู่เพราะเกิดจากหอยมุก ต่างกันแค่ที่มา ไข่มุกแท้เกิดตามธรรมชาติ แต่ไข่มุกเลี้ยงเกิดจากการที่มนุษย์ช่วยบังคับใส่สิ่งแปลกปลอมเช่น ลูกปัด หรือเปลือกหอย เข้าไปในหอยมุก มุกเลี้ยงส่วนใหญ่มักซื้อขายกันโดยวัดขนาดเป็นมิลลิเมตร แหล่งก าเนิดที่ส าคัญของไข่มุกเลี้ยงคือ ญี่ปุ่น จีน และทะเลใต้ ไข่มุกปลอมหรือไข่มุกเทียมจะท าจากวัสดุอื่นที่มีลักษณะมันวาวเช่นกันมาหล่อขึ้นรูปเป็นทรงกลม และใส่สีเลียนแบบไข่มุกธรรมชาติ วัสดุเหล่านี้ได้แก่ พลาสติก หรือพอลิเมอร์ (polymer) และปัจจุบันมีการพัฒนาน าเปลือกหอยมาเคลือบบนผิว ท าให้มีลักษณะคล้ายไข่มุกแท้มาก ไข่มุกแท้มีรูปร่างหลากหลายดังรูป แต่ไข่มุกที่มีรูปร่างกลมสวยงามก็จะมีราคาแพง นอกจากนี้ไข่มุกยังมีหลายสี ได้แก่ ขาว ด า ชมพู ส้ม เทา และเหลือง เป็นต้น หากต้องการเลือกซื้อไข่มุกควรพิจารณาดังนี้
(ที่มา: http://www.igetweb.com/www/iyawan/index.php?mo=3&art=188263)
          1. ขนาดและรูปร่าง ซึ่งมีผลต่อราคา การเลือกขนาดและรูปร่างขึ้นอยู่กับว่าเราอยากได้ขนาดและรูปร่างแบบไหน และเหมาะกับเครื่องประดับที่ออกแบบไว้หรือไม่ เช่น ถ้าจะซื้อไข่มุกสีเดียวเพื่อมาท าสร้อย ก็ควรเลือกที่มีสีสม่ าเสมอกันและขนาดเท่ากันหรือไล่เรียงกันไป ถ้าจะซื้อเพื่อน ามาท าเข็มกลัดก็น่าจะเลือกที่ความวาวเงางาม
และขนาดใหญ่ ส่วนไข่มุกรูปร่างแปลกๆ น่าจะเหมาะกับการออกแบบสไตล์เก๋ไก๋ เป็นต้น ขนาดของไข่มุก ยังมีผลต่อบุคลิกของผู้ใส่อีกด้วย หากผู้สวมใส่ยังอายุน้อยก็อาจจะเลือกไข่มุกขนาดไม่ใหญ่มากนัก จะได้ดูน่ารัก ทันสมัย ดั้งนั้นถ้าเรารู้ว่าต้องการไข่มุกขนาดและรูปร่างแบบใด จะท าให้การเลือกซื้อง่ายขึ้น
         2. สี สีของไข่มุกมีอยู่ 2 ประเภทคือ Body Color ซึ่งเป็นสีของไข่มุกซึ่งจะมีสีขาว สีครีม สีเหลือง เป็นต้น และ Overtone ซึ่งเป็นสีเหลือบของไข่มุก อาจมีสีเขียว สีชมพู สีเงิน สีฟ้า สีของไข่มุกขึ้นอยู่กับชนิดของหอยมุกและสภาวะแวดล้อมที่หอยมุกนั้นอาศัยอยู่ สีจะมีผลต่อราคาไข่มุกด้วย ยิ่งไข่มุกที่มีสีที่หายากประกอบกับความมันวาวจะมีราคาสูงมาก แต่ปัจจุบันมีการย้อมสีไข่มุกคุณภาพต่ าเพื่อให้ได้สีที่หายากเพื่อเพิ่มมูลค่าไข่มุกคุณภาพต่ า รวมถึงการฉายรังสีเพื่อให้ได้สีสันแปลกใหม่ด้วยเช่นกัน ดังนั้นการเลือกซื้อควรพิจารณาให้ดีด้วยว่าสีไข่มุกเป็นสีธรรมชาติหรือสีย้อม
        3. ลักษณะเนื้อผิวไข่มุก ไข่มุกที่ดีจะต้องมีผิวเรียบเนียนเป็นมันไม่มีรอยขุรขระ ไม่มีรอยถลอก และไม่เป็นฟองอากาศ การเลือกซื้อจึงควรสังเกตอย่างละเอียด ยิ่งราคาแพงยิ่งควรตรวจสภาพผิวไข่มุกอย่างละเอียด โดยอาจใช้ไฟส่องที่ผิวและใช้พื้นหลังสีด าพร้อมกับสังเกตขณะหมุนไข่มุกเพื่อตรวจสภาพผิวของไข่มุก
        4. ความมันวาว ไข่มุกที่ดีจะมีเนื้อมันวาวสดใส ประกายสม่ าเสมอทั้งเม็ด ถ้าความวาวสูงแสดงว่ามีชั้นมุกหนา ท าให้เห็นเหลือบสี (Orient) ของไข่มุกมากโดยเฉพาะเมื่อน าไข่มุกส่องไฟ ยิ่งมีความวาวมาก เหลือบสีมากแสดงว่าเป็นไข่มุกที่คุณภาพดี ความหนาของชั้นมุกนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการเลี้ยงและสภาพแวดล้อมในการเพาะเลี้ยง ดังนั้นสามารถทดสอบได้ว่าไข่มุกมีชั้นมุกหนามากเพียงใดด้วยการดูลักษณะความวาว ดูรอยแตกที่ผิวว่าเห็นเม็ดเปลือกหอย หรือลูกปัดด้านในหรือไม่ หรือสังเกตแถบสีเมื่อน าไข่มุกส่องกับไฟความเข้มสูง
        วิธีง่ายๆ ในการแยกไข่มุกแท้ – เทียม สิ่งที่ควรระวังในการเลือกซื้อไข่มุกคือ ไข่มุกปลอมที่ทาจากแก้วหรือพลาสติกแต่สามารถตรวจสอบด้วยวิธีง่ายๆ ได้ วิธีที่นิยมคือ การน าไข่มุกแต่ละเม็ดมาถูกันเบาๆ แล้วจับดู หากน ามาถูแล้วรู้สึกลื่น หรือไม่รู้สึกสากๆเลย ให้สรุปไว้ก่อนเลยว่าไม่ใช่ไข่มุกแท้ แต่เวลาถูไข่มุกควรถูเบาๆ เพราะหากเป็นไข่มุกแท้ผิวมุกอาจสึกหรอจากการเสียดสีของชั้นมุกได้ อีกวิธีหนึ่งคือ สังเกตรอยแตกหรือลักษณะผิวเพราะไข่มุกเทียมมักจะเคลือบสีด้วยแลกเกอร์ หรือเรซิน หรือสารเคลือบอื่นๆ เพื่อเพิ่มความมันวาว แต่อีกวิธีที่อาจเสี่ยงในการท าลายผิวไข่มุกปลอม คือการใช้ไฟลน เนื่องจากไข่มุกเทียมจะไม่ทนความร้อน เพราะเพียงไฟจากบุหรี่ก็ท าให้เกิดริ้วรอยไหม้หรือแตกกะเทาะได้ง่าย แต่ไข่มุกแท้จะทนทานแม้จะเป็นรอยไหม้ก็สามารถเช็ดออกได้
ขอขอบคุณ: พิมพ์ทอง ทองนพคุณ

มารู้จักหอยกันเถอะ

โครงสร้างหอย

หอย มีชีวิตอยู่ได้ทั้งบนบกและไนน้ำเป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังและถือว่า ใหญ่ที่สุดในกลุ่มรองจากสัตว์โลกจำพวกแมลง หอยทั้งหมดมีอยู่ประมาณไม่ต่ำกว่า80,000ชนิด ถ้าสังเกตดีๆเราจะพบว่าหอยนั้นอาศัยอยู่ทั่วทุกมุมโลกไม่ว่าจะเป็นบนบกใน น้ำ ทั้งน้ำจืดน้ำเค็มและจากการพิสูจน์พบว่าเปลือกหอยสามารถคงรูปร่างอยู่ได้นาน ถึง 75 ล้านปี ในปัจจุบันเราก็นำหอยมาใช้ในการศึกษาทั้งทางวิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ โบราณคดีอย่างเปลือกหอยที่กลายเป็นหินนักวิทยาศาสตร์ก็จะเรียกว่า ฟอสซิล
         รูปร่างหน้าตาของหอย นักวิทยาศาสตร์ได้รวมสัตวจำพวกหอยเข้าไว้ในกลุ่มเดียวกันกับหมึก ซึ่งพวกเราหลายคนเรียกกันว่าปลาหมึก ทั้งๆที่ความจริงแล้วมันคือหอย สัตว์ในกลุ่มหอยกับหมึกนั้นมีลักษณะรูปร่างที่คล้ายกันเช่น หอยมีเปลือกแข็งหุ้มอยู่ภายนอก หมึกก็มีแต่ต่างกันตรงที่หมึกมีอยู่ในลำตัวที่พวกเรารู้จักกันในภาษาชาว บ้านว่าลิ้นทะเล หอยกับหมึกมีผิวหนังหรือเนื้อเยื่อติดกับพนังเปลือกคอยทำหน้าที่สร้างเปลือก มีกล้ามเนื้อแผ่นใหญ่ใช้เดินต่างเท้า กล้ามเนื้อชนิดนี้ในหอยบางสกุลจะมีขนาดกว้างใหญ่เสียจนกระทั่งสามารถแผ่ออก มาห่อหุ้มเปลือกทั้งหมดของมันได้ ซึ่งก็คือเนื้อเยื่อส่วนที่เราเห็นโผล่ออกมาจากเปลือก ใช้คืบคลานหรือเกาะอยู่ตามพื้นดิน พื้นหิน พื้นทราย นั่นเอง สำหรับหมึกนั้นธรรมชาติได้เปลี่ยนรูปร่างกล้ามเนื้อส่วนนี้ให้กลายเป็นหนวด ไปแล้วเพื่อให้เกิดความคล่องแคล่วในการดำรงชีวิตของมัน ทั้งหอย และหมึกยังมีระบบเส้นประสาทชนิดที่รวมกันเป็นกลุ่มอีกต่างหากด้วย พูดง่ายๆ ก็คือ ลักษณะทั่วไปหรือรูปร่างหน้าตาของหอยจะประกอบด้วย ลำตัวที่เป็นปล้อง มีเปลือกแข็งห่อหุ้มร่างกายภายนอก เคลื่อนไหวไปไหนมาไหนอย่างเชื่องช้าลำตัวอ่อนนิ่มปกคลุมด้วยเมือกลื่นๆเพื่อ ให้สะดวกในการคืบคลานหอยจึงเหมาะที่จะมีชีวิตอยู่ในน้ำหรือตามสถานที่ชื้น แฉะเช่น ตามใต้ถุนบ้าน หรือแถวๆห้องน้ำในบ้านเรา แม้กระทั่งในท่อระบายน้ำเสียตามท้องถนน นักวิทยาศาสตร์แบ่งโครงสร้างของหอยออกเป็น 4 ส่วน
          1.หัว อยู่ตรงบริเวณหน้าสุดของลำตัว บางชนิดเราจะแลเห็นคล้ายหนวดสั้นๆโผล่ออกมาด้วย
          2.หนังหรือเนื้อเยื่อบางคนเรียกว่าเนื้อ คือส่วนที่เราๆมองเห็นอยู่นอกเปลือก
          3.อวัยวะภายใน ได้แก่หัวใจ เส้นโลหิตแดงและเส้นโลหิตดำ เหงือกซึ่งหอยบางสกุลเอาไว้ทำหน้าที่หายใจในน้ำ ส่วนหอยบางชนิดก็มีปอดสำหรับหายใจบนบก เช่นพวกหอยทากที่เราเห็นคลานต้วมเตี้ยมอยู่บนต้นไม้บ้าง หรือไม่ก็ตามพื้นดินเปียกๆ ภายในลำตัวของหอยยังประกอบด้วยลำไส้ อวัยวะขับถ่าย อวัยวะสืบพันธ์ ในหอยบางพวกเราพบว่าอวัยวะทั้งสองเพศอยู่ในตัวเดียวกัน เช่น พวกหอยขม หอยโข่ง สุดท้ายคือระบบประสาทซึ่งใช้สำหรับดมกลิ่นบ้าง ใช้คลำทางบ้าง หรือไม่ก็ใช้ในการรับความรู้สึกต่างๆ อวัยวะชนิดนี้มักจะยื่นยาวออกมาคล้ายๆหนวด หรือเหมือนกับเสาอากาศโทรทัศน์ในหอยบางตัว หอยบางชนิดยังมีตาไว้ดูอะไรได้ เช่นเดียวกับสัตว์อื่นๆด้วย
         4. เท้า เป็นกล้ามเนื้อผืนใหญ่ซึ่งหอยใช้ในการเคลื่อนไปโน่นมานี่ด้วยวิธีการคืบคลานไปบ้าง ชอนไชไปในโคลนตมบ้าง ในทรายบ้าง ในขนาดที่กล้ามเนื้อส่วนนี้ของหมึกได้กลายเป็นหนวดไปแล้ว

หอยมีคุณค่ากว่าที่คุณคิด


หอยมีคุณค่า
      
       หอยเกี่ยว ข้องผูกผันกับมนุษย์เรามาช้านานในประวัติศาสตร์ของโลก ประโยชน์สำคัญอย่างหนึ่งของหอยก็คือเป็นอาหารหอยที่มักจะนำมาทำเป็นอาหารก็ คือ หอยแมลงภู่ หอยแครง หอยลาย หอยขม หอยบางชนิดราคาแพง เช่น หอยเป๋าฮื้อ หอยนางรมหรือหอยโข่งบางชนิด นอกจากนั้นหอยบางสกุลยังสามารถนำมาเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ได้อีกด้วยในสมัย โบราณ หลายชาติได้นำหอยเบี้ยบางชนิดมาใช้เป็นสิ่งของแลกเปลี่ยนแทนเงินตรา ประเทศไทยเราก็เคยใช้หอยเบี้ยเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้ามาแล้ว หอยบางชนิดยังถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือสิ่งที่เป็นมงคลในทางศาสนา เช่น หอยสังข์มีความสำคัญอย่างสูงในศาสนาฮินดูและศาสนาพราหมณ์ ทุกวันนี้ก็ยังนำหอยสังข์มาใช้ในพิธีมงคลต่างๆ เช่น พิธีมงคลสมรส เครื่องประดับล้ำค่าราคาแพงและมนุษย์นิยมมากที่สุดนอกเหนือจากพวกเครื่อง เงิน เครื่องทอง หรือเพชรนิลจินดาแล้วเห็นจะมีอีกอย่างหนึ่งคือ ไข่มุก ซึ่งเด็กๆ คงจะพอทราบมาบ้างแล้วว่า มันเกิดจากหอยสกุลที่เรียกกันว่า หอยมุก เปลือกของหอยกาบเดียวหลายชนิดเป็นมุก เพราะสามารถสะท้อนสีสันเป็นเลื่อมลายประกายรุ้งสวยสดงดงามจนมนุษย์เราพากัน ลุ่มหลง นิยมนำมาตกแต่งประดับประดาภาชนะตลอดจนเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ภายในครัวเรือน หรือตกแต่งวัดวาอารามปราสาทราชวังให้ดูวิจิตรตระการตาเช่นโต๊ะมุกหรือโต๊ะ หมู่บูชาที่ประดับด้วยเปลือกหอยมุก ตู้พระธรรมประดับมุกตั่งมุก รวมทั้งบานประตูมุกอันมีชื่อเสียงโด่งดังที่วัดสุทัศน์เทพวราราม ระยะหลังได้มีการประดิษฐ์เปลือกหอยนานาชนิดเป็นเครื่องใช้ประจำตัวเครื่อง ใช้ประจำบ้านเช่น กระดุมมุก เข็มกลัด เน็คไท ด้ามมีดหรือไม่ก็ทำเป็นเครื่องตกแต่งบ้านอันหรูหราอาทิ โคมไฟฟ้า เก้าอี้มุกและอื่นๆ ถึงตอนนี้พวกเราก็คงจะทราบดีแล้วว่า เปลือกหอยมีคุณค่ามากมายมหาศาลขนาดไหนและพวกเราต่างก็รู้จักมันคุ้นกับมัน เป็นอย่างดีตลอดมาทุกยุคทุกสมัย ทุกวันนี้สัตว์จำพวกหอยยังมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตความเป็นอยู่ของ ประเทศต่างๆ พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ มีความสำคัญอย่างสูงต่อเศรษฐกิจของหลายต่อหลายประเทศ นอกเหนือจากการนำสินค้ามีค่ามีราคาในลักษณะที่เป็นเนื้อหอยและเปลือกหอยแล้ว อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงหอยไม่ว่าจะนำมาเพื่อทำเป็นอาหารสัตว์และอาหาร มนุษย์ หรือเพื่อเก็บเอาไข่มุกมาขายก็ตามสามารถทำรายได้ให้กับประเทศที่ประกอบ อุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นอย่างดีในประเทศไทยเรานี้กิจการเพาะเลี้ยงหอย อาทิเช่น หอยนางรม หอยมุก หอยลาย ตลอดจนหอยแครงและหอยอื่นๆ ก็กำลังรุ่งเรืองทำกำไรให้แก่ผู้เพาะเลี้ยงและประเทศชาติได้มากโข

เคล็ดลับการเลือกซื้อหอย



เคล็ดลับการเลือกซื้อหอย

          อยากนำเคล็ดลับการเลือกซื้อหอยมาฝากเพื่อนๆพี่ๆกัน ลองมาดูกัน หอยในตลาดสดนั้นเท่าที่ดูก็มีอยู่ไม่กี่ชนิด ส่วนมากจะเป็น หอยแครง หอยแมลงภู่ หอยลายเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าหอยที่กล่าวมานี้ล้วนแต่เป็นหอยที่มาจากทะเล การเลือกซื้อหอยนั้นเราต้องดูตามชนิดของหอยเป็นหลัก
          1. หอยแครง หอยชนิดนี้ถ้าเป็นหอยตามธรรมชาติจะมีรสชาติอร่อยมากๆ แต่ในปัจจุบันส่วนมากหอยแครงตามธรรมชาตินั้นแทบจะหาไม่ได้เสียแล้ว มักจะมีแต่หอยที่เลี้ยงในฟาร์ม การดูหอยแครงว่าสดไม่สดนั้นดูไม่ยากครับ กล่าวคือ หอยแครงที่สดนั้นจะต้องเป็นหอยที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น เพราะหอยชนิดนี้ถ้าตายแล้วจะส่งกลิ่นเหม็นทันที สังเกตได้โดย หอยจะอ้าและเห็นเนื้อหอยหรือว่าตัวหอยที่อยู่ในฝานั้นมีสีแดงเข้มเคลื่อนไหว ไปมาได้ ถ้าเพื่อนๆจะซื้อหอยแครงซักกิโลแต่เห็นหอยของพ่อค้าแม่ค้าที่เราจะซื้อนั้น วางอยู่นิ่งๆ โดยที่ไม่มีการอ้าของเปลือกหอยและไม่มีการขยับเขยื้อนเลยซักตัว แถมบางทีส่งกลิ่นทะแม่งๆ จนอยากจะเผ่นจากแผงหอยเจ้านั้นไปโดยเร็ว นั่นแสดงว่าหอยแครงของเจ้านั้นไม่สดและตายแล้ว ให้เพื่อนๆถอยห่างออกจากแผงหอยแครงนั้นโดยเร็ว
          2. หอยแมลงภู่ หอยชนิดนี้ไม่เหมือนกับหอยแครง กล่าวคือ หอยแมลงภู่สดฝาหอยจะต้องปิดสนิท ตัวหอยต้องสะอาดเกลี้ยง ต้องไม่มีเศษขยะหรือหยากไย่เกาะมากเกินไป (ตรงนี้อยู่ที่พ่อค้าแม่ค้าหอยแผงนั้นๆด้วยว่าเอาใจใส่ให้ความสะอาดมากน้อย แค่ไหน) ถ้าเพื่อนเจอหอยแมลงภู่เจ้าไหนที่ฝาหอยอ้าจนเห็นเนื้อหอยข้างในและบางทีอาจ ส่งกลิ่นไม่ดีออกมาก็อย่าซื้อหอยดังว่า เนื่องจากหอยแมลงภู่ถ้าฝาอ้าออกแล้วนั้น หอยจะตายและไม่สดแล้ว เมื่อเรานำมาลวกหรือต้ม หรือนึ่งก็แล้วแต่ เราอาจไม่สามารถทานหอยนั้นได้เลยเพราะหอยจะไม่อร่อยและที่แย่ไปกว่านั้นคือ มีกลิ่นเหม็นรุนแรงเอามากๆด้วย
          3. หอยลาย ที่สดฝาจะต้องไม่อ้าจนเห็นเนื้อหอยข้างในในขณะที่ตัวหอยนั้นไม่มีการเคลื่อน ไหวแล้ว แต่บางตัวถ้ายังเป็นๆอยู่จะมีติ่งเนื้อโผล่ออกมาและเคลื่อนไหวได้ ฝาหอยที่ปิดตัวหอยอยู่นั้นต้องดูสะอาดไม่มีคราบตะใคร่น้ำเกาะตามตัวหอย และที่สำคัญจะต้องไม่มีกลิ่นโชยออกมา

ขอบคุณที่มา : http://natspecialtips.blogspot.com

แนะนำเมนูหอย


เมนูหอยแสนอร่อย

เมนูในร้านขายอาหารทะเลส่วนใหญ่ นอกจากจะเป็นพวกกุ้ง-ปู-ปลาแล้ว “เมนู หอย” ชนิดต่าง ๆ
ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ซึ่งนอกจากในร้าน ซีฟู้ด-ร้านอาหารใหญ่ ๆ แล้ว อาหารพวกนี้ก็สามารถทำขายได้ทั่วไป
ไม่ เว้นแม้ตามตลาดนัด ซึ่งวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” มี “เคล็ดลับ” เมนู อาหารจำพวกหอยมานำเสนอ...

หอยหวานเผา
เมนูอาหารจากหอยมีให้เลือกมากมายหลากหลาย หอย บางชนิดก็หากินได้ทั้งปี รวม ๆ แล้วก็มีกว่า 20 ชนิด อาทิ...
หอย ชักตีน,หอยลาย,หอยขม, หอยกระโจงโดง, หอยสังข์หอม, หอยมะระ, หอยจาวมะพร้าว, หอยบิด, หอยปีกนก, หอยหวาน, หอยนางรมลอย, หอยจอบ, หอยตาวัว, หอยนมสาว, หอยเจดีย์, หอยตลับ, หอยคราง, หอยพอก, หอยเชลล์
หอย แครง, หอยแมลงภู่, หอยนางรม ฯลฯ

หอยนางรมนิยมรับประทานแบบสดๆ
หอยที่นำมาปรุงเป็นเมนูต่าง ๆ ในร้านอาหารส่วนมากจะเป็นหอยทะเล จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ “แบบฝาเดียว” และ “แบบ 2 ฝา” ซึ่งทั้ง 2 ประเภทมีความแตกต่างกันอยู่ โดยหอยแบบฝา เดียวนั้นจะชอบเดินเคลื่อนที่ เพราะฉะนั้นเนื้อจะเป็นก้อน ผิดกับ หอย 2 ฝาที่ชอบฝังตัวอยู่ในทราย เนื้อจะไม่เป็นก้อน

หอยตลับ ผัดน้ำพริกเผา
มีคำแนะนำว่า หอยประเภทหอย 2 ฝาที่สั่งเข้ามาใช้ทำอาหารนั้น ไม่ควรสั่งหอยที่ตัวใหญ่ เกินไป จะใช้ขนาดประมาณ 25 ตัวต่อกิโลกรัม

หอยเชลล์ผัดน้ำ มะนาว
ส่วนหอยแบบฝาเดียวก็จะใช้ ขนาดกลาง ๆ ถ้าใช้ตัวโตเกินไปเวลานำมาทำเมนูอาหารแล้วเนื้อจะเหนียว
ถ้า เล็กเกินไปก็ทำให้ดูไม่น่ากิน

หอยตลับผัดกับหน่อไม้ฝรั่ง
นอกจากเรื่องขนาดแล้ว ความสดก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการนำหอยมาปรุงอาหาร หอยที่นำมาปรุง นั้นจำเป็นต้องใช้แบบที่ยังเป็น ๆ เพราะเนื้อจะนุ่ม หอม หวาน

หอยสังข์ผัดกับเห็ดหอม
การนำหอยแต่ละ ชนิดมาทำอาหารต่าง ๆ ก็ควรเลือกเมนูที่เหมาะสมด้วย ซึ่งโดยธรรมชาติ แล้วหอยนั้นจะมีเนื้อที่นุ่ม
หอมหวานในตัวของมันเองอยู่แล้ว เมนูที่ ใช้หอยในการทำก็น่าจะเป็นพวกยำ ผัด ลวก หรือบางชนิดก็กินแบบดิบ ๆ จะดีกว่า เช่นหอยนางรมแต่ถ้าจะเป็นเมนูพวกต้มยำ ก็ควรจะใช้หอยแบบ 2 ฝา

เคล็ด ลับในการปรุง
ถ้าเป็นการ “ลวก” ก็ไม่วุ่นวาย ใช้หอยชนิดฝา เดียวตัวใหญ่ นำเนื้อมาหั่นเป็นแผ่นบาง ๆ พอดีคำเตรียมไว้ ไม่ควรหั่น ให้ชิ้นใหญ่เกินไปเพราะเวลาลวกแล้วจะทำให้เนื้อเหนียว ตั้งน้ำสะอาด ให้เดือดจัด โดยในน้ำให้ใส่ตะไคร้ ใบมะกรูด ลงไปด้วย เพื่อเป็นการดับ กลิ่นคาว เมื่อน้ำเดือดได้ที่ก็ให้นำเนื้อหอยที่หั่นเตรียมไว้ใส่ลงไปใน กระชอน จุ่มลงไปลวกในน้ำร้อน โดยใช้เวลาลวกประมาณ 5 วินาที หรือที่ เรียกกันว่า “ลวกแบบสะดุ้งน้ำ” ไม่ควรลวกนานเกินไปเพราะจะทำให้เนื้อหอย เหนียว ถ้าจะนำมา “ยำ” ก็ใช้วิธีการลวกแบบที่ว่ามาก่อน จากนั้น ถึงนำหอยไปทำการยำ แต่ถ้านำมาทำเป็นเมนู “ผัด” ไม่ควรนำไปลวกก่อนให้ “ผัดสด ๆ” ไปเลย เพราะน้ำที่อยู่ในตัวหอยจะออกมาทำให้หอม หรือถ้าจะ เป็นเมนูแบบกินดิบ ๆ ก็หั่นแล้วเสิร์ฟได้เลย โดยมีวาซาบิกับซอสญี่ปุ่น เป็นน้ำจิ้มเพื่อดับความคาว